วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข้อสอบ O-net 2552 ข้อ 53-57











ตอบ...2 http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet3/saowalak/wave/wave.htm
สมบัติของคลื่น (wave properties)
คลื่นทุกชนิดแสดงสมบัติ 4 อย่าง คือการสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน
การสะท้อน (reflection) เกิดจากคลื่นเคลื่อนที่ไปกระทบสิ่งกีดขวาง แล้วเปลี่ยนทิศทางกลับสู่ตัวกลางเดิม
การหักเห (refraction) เกิดจากคลื่นเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางที่ต่างกัน แล้วทำให้อัตราเร็วเปลี่ยนไป
การเลี้ยวเบน (diffraction) เกิดจากคลื่นเคลื่อนที่ไปพบสิ่งกีดขวาง ทำให้คลื่นส่วนหนึ่งอ้อมบริเวณของสิ่งกีดขวางแผ่ไปทางด้านหลังของสิ่งกีดขวางนั้น
การแทรกสอด (interference) เกิดจากคลื่นสองขบวนที่เหมือนกันทุกประการเคลื่อนที่มาพบกัน แล้วเกิดการซ้อนทับกัน ถ้าเป็นคลื่นแสงจะเห็นแถบมืดและแถบสว่างสลับกัน ส่วนคลื่นเสียงจะได้ยินเสียงดังเสียงค่อยสลับกัน













ตอบ...2
ลองนำเอาเชือก2เส้นที่มีขนาดต่างกันครึ่งนึง แล้วลองขึงเชือกให้ตึง จากนั้นลองทำการสั่นเชือกดู จะสังเกตุได้ว่า เชือกที่สั้นกว่าครึ่งนั้นจะสั่นเร็วกว่าขนาด2เท่าของอีกเส้น









ตอบ...2 http://thaigoodview.com/node/16869?page=0%2C19

จุดประสงค์ของการบุผนังโรงภาพยนตร์คือ ลดเสียงก้องนั่นเองเพื่อให้ดูภาพยนตร์ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การที่จะลดเสียงก้องก็คือการลดการสะท้อนนะครับ ส่วนความถี่และความดังไม่สามารถลดได้ด้วยการบุผนัง ส่วนการหักเหต้องเพิ่มขึ้นจึงจะทำให้พลังงานเสียงนั้นลดลงและไปในทิศทางที่ไม่แน่นอนจะได้ไม่รบกวนขณะที่ดูภาพยนตร์










ตอบ...2 http://www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/0/278/cosmos/16.htm
ส่วนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นเป็นคลื่นตามขวางที่ไม่อาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ จึงสามารถเดินทางผ่านได้ทั้งในอากาศ ของเหลว ของแข็ง และในสุญญากาศ นักบินอวกาศสามารถติดต่อสื่อสารกับศูนย์ควบคุมผ่านสุญญากาศได้โดยใช้คลื่นวิทยุ



ตอบ...1 http://www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/255/universe/02.html

จุดดับในดวงอาทิตย์ (Sunspots) ในบางโอกาสถ้าเราใช้กระจกรมควันบางๆ แล้วเอาส่องดูดวงอาทิตย์ จะพบความน่าประหลาดว่าที่ผิวพื้นของดวงอาทิตย์มีจุดดำๆอยู่หลายแห่งด้วยกัน เสมือนว่าตรงนั้นเป็นจุดดับ คือ ไม่มีเปลวก๊าซลุกไหม้อยู่
ความจริงตรงบริเวณจุดดับของดวงอาทิตย์นั้นมีทั้งความร้อนและความสว่างไม่น้อยเลย การที่เรามองเห้นเป็นจุดดำๆ ไปเกิดจากส่วนอื่นของผิวดวงอาทิตย์โดยรอบ มีความร้อนและความสว่างมากกว่าบริเวณนั้นหลายพันเท่า จึงทำให้เรามองเห็นส่วนที่สว่างน้อยกว่าเป็นจุดสลัวๆ ไป ขนาดของจุดดำๆ เหล่านี้ในบางครั้งใหญ่โตกว่าโลกก็มี แล้วมันอาจเล็กลงแล้วหายไป แล้วก็กลับเกิดขึ้นมาอีก นักดาราศาสตร์ได้เฝ้าสังเกตแล้วปรากฏว่า การเกิดมีจุดดับ การขยายขนาดและจำนวนจุดับให้มากขึ้น แล้วค่อยเล็กลงจนหมดไปและกลับมีขึ้นมาอีกนั้น หมุนเวียนเป็นรอบจักรราศีหรือรอบหนึ่งประมาณ 11 ปีครึ่ง บางคนกล่าว่าจุดดับในดวงอาทิตย์มีอิทธิพลกระทบกระเทือนมาถึงโลกด้วย เฃ่น ขณะที่ดวงอาทิตย์มีจุดดับมากนั้น จะทำให้เกิดพายุแม่เหล็กขึ้นที่ขั้วโลกทั้งสอง, คลื่นวิทยุถูกลบกวนและทำให้ดินฟ้าอากาศวิปริตปั่นป่วน ดังนี้เป็นต้น
จุดดับในดวงอาทิตย์เกิดจากกลุ่มก๊าซที่ลุกโพลงอยู่ ได้ระเบิดขึ้นทันทีทันใด ทำให้เปลวเพลิงที่อมความร้อนอยู่จำนวนมากพลุ่งปลิวออกไปนอกเวหา เป็นเหตให้ ณ ที่ตรงนั้นมีอุณหภูมิและแสงสว่างน้อยกว่าอาณาบริเวณใกล้เคียง จึงมองดูในระยะไกลเป็นจุดสลัว ๆ ไป จากการสังเกตตำแหน่งจุดดับนี้เอง ทำให้นักวิทยาศสตร์ทราบได้ว่า ดวงอาทิตย์ก็มีการหมุนเวียนรอบตัวเองด้วยเหมือนกัน โดยกินเวลารอบละประมาณ 25 วัน

2 ความคิดเห็น:

  1. คะแนนประเมินบล๊อกให้ 99 คะแนนค่ะ

    ตอบลบ
  2. เรียบไปนิดนะ อดีตหัวหน้าวงโยฯ
    ให้ 96 คะแนนละกัน

    ตอบลบ